Sale!

นี่คือหนังสือที่อ่านแล้วทำให้คุณรู้สึกว่า ความล้มเหลวเป็นเรื่องธรรมดา และการเรียนรู้เป็นเรื่องสนุก น่าตื่นเต้นที่เราจะได้ฟังผู้บริหารมากประสบการณ์เล่าถึงเส้นทางการย้ายตำแหน่งตัวเองจาก ‘เด็กปลายโต๊ะ’ มานั่งหัวโต๊ะ ประสบการณ์ของเขาในการร่วมงานกับบุคลากรชั้นครูของประเทศจะทำให้คุณรู้สึกเหมือนได้เคล็ดวิชาจากปราชญ์หลายท่านในเล่มนี้เล่มเดียว ในเล่ม คุณจะได้พบเคล็ดวิชาจาก ประภาส ชลศรานนท์, ซิกเว่ เบรกเก้, คึกฤทธิ์ ปราโมช, ชัชชาติ สิทธิพันธุ์, สัตยา นาเดลลา, ธนินทร์ เจียรวนนท์, บรรยง พงษ์พานิช, อนันต์ อัศวโภคิน, ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม, สุทธิชัย หยุ่น, จิระ มะลิกุล, หนุ่มเมืองจันท์, อุดม แต้พานิช, วู้ดดี้ และอื่นๆ อีกมากมาย

7,900 ฿ 6,499 ฿
Sale!

นี่คือหนังสือที่อ่านแล้วทำให้คุณรู้สึกว่า ความล้มเหลวเป็นเรื่องธรรมดา และการเรียนรู้เป็นเรื่องสนุก น่าตื่นเต้นที่เราจะได้ฟังผู้บริหารมากประสบการณ์เล่าถึงเส้นทางการย้ายตำแหน่งตัวเองจาก ‘เด็กปลายโต๊ะ’ มานั่งหัวโต๊ะ ประสบการณ์ของเขาในการร่วมงานกับบุคลากรชั้นครูของประเทศจะทำให้คุณรู้สึกเหมือนได้เคล็ดวิชาจากปราชญ์หลายท่านในเล่มนี้เล่มเดียว ในเล่ม คุณจะได้พบเคล็ดวิชาจาก ประภาส ชลศรานนท์, ซิกเว่ เบรกเก้, คึกฤทธิ์ ปราโมช, ชัชชาติ สิทธิพันธุ์, สัตยา นาเดลลา, ธนินทร์ เจียรวนนท์, บรรยง พงษ์พานิช, อนันต์ อัศวโภคิน, ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม, สุทธิชัย หยุ่น, จิระ มะลิกุล, หนุ่มเมืองจันท์, อุดม แต้พานิช, วู้ดดี้ และอื่นๆ อีกมากมาย

3,950 ฿ 3,350 ฿
Sale!

นี่คือหนังสือที่อ่านแล้วทำให้คุณรู้สึกว่า ความล้มเหลวเป็นเรื่องธรรมดา และการเรียนรู้เป็นเรื่องสนุก น่าตื่นเต้นที่เราจะได้ฟังผู้บริหารมากประสบการณ์เล่าถึงเส้นทางการย้ายตำแหน่งตัวเองจาก ‘เด็กปลายโต๊ะ’ มานั่งหัวโต๊ะ ประสบการณ์ของเขาในการร่วมงานกับบุคลากรชั้นครูของประเทศจะทำให้คุณรู้สึกเหมือนได้เคล็ดวิชาจากปราชญ์หลายท่านในเล่มนี้เล่มเดียว ในเล่ม คุณจะได้พบเคล็ดวิชาจาก ประภาส ชลศรานนท์, ซิกเว่ เบรกเก้, คึกฤทธิ์ ปราโมช, ชัชชาติ สิทธิพันธุ์, สัตยา นาเดลลา, ธนินทร์ เจียรวนนท์, บรรยง พงษ์พานิช, อนันต์ อัศวโภคิน, ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม, สุทธิชัย หยุ่น, จิระ มะลิกุล, หนุ่มเมืองจันท์, อุดม แต้พานิช, วู้ดดี้ และอื่นๆ อีกมากมาย

1,975 ฿ 1,699 ฿
Sale!

นี่คือหนังสือที่อ่านแล้วทำให้คุณรู้สึกว่า ความล้มเหลวเป็นเรื่องธรรมดา และการเรียนรู้เป็นเรื่องสนุก น่าตื่นเต้นที่เราจะได้ฟังผู้บริหารมากประสบการณ์เล่าถึงเส้นทางการย้ายตำแหน่งตัวเองจาก ‘เด็กปลายโต๊ะ’ มานั่งหัวโต๊ะ ประสบการณ์ของเขาในการร่วมงานกับบุคลากรชั้นครูของประเทศจะทำให้คุณรู้สึกเหมือนได้เคล็ดวิชาจากปราชญ์หลายท่านในเล่มนี้เล่มเดียว ในเล่ม คุณจะได้พบเคล็ดวิชาจาก ประภาส ชลศรานนท์, ซิกเว่ เบรกเก้, คึกฤทธิ์ ปราโมช, ชัชชาติ สิทธิพันธุ์, สัตยา นาเดลลา, ธนินทร์ เจียรวนนท์, บรรยง พงษ์พานิช, อนันต์ อัศวโภคิน, ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม, สุทธิชัย หยุ่น, จิระ มะลิกุล, หนุ่มเมืองจันท์, อุดม แต้พานิช, วู้ดดี้ และอื่นๆ อีกมากมาย

395 ฿ 355 ฿
Sale!

  รวมความเรียงคุณภาพที่ช่วยโอบอุ้มจิตใจให้รับมือความไม่แน่นอนของชีวิต โดยยังไม่ลืมมองเห็นความงามของสิ่งต่างๆ รวมถึงบทเรียนที่ชีวิตมอบให้ หลายคนยกให้เป็นหนังสือที่ช่วยเยียวยาหัวใจที่บอบช้ำให้กลับมามีพลังอีกหน

299 ฿ 254 ฿
Sale!

หนังสือเล่มใหม่ของ "นิ้วกลม" และ "รวิศ หาญอุตสาหะ" ฉบับปกอ่อน ทั้งสามเล่มได้แก่ "ความสุขฉบับพกพา" + "ปัญญาฉบับกระเป๋า" "Unstructured / วิธีคิดไร้กระบวนท่า"

777 ฿ 678 ฿
Sale!

"ความสุขฉบับพกพา" + "ปัญญาฉบับกระเป๋า" สองเล่มใหม่ของนิ้วกลม รวมงานเขียนจากเพจ Roundfinger อ่านง่าย สบายใจ ให้พลังงานดีๆ

498 ฿ 449 ฿
Sale!

เล่มล่าสุดของรวิศ หาญอุตสาหะ เจ้าของพอดแคสต์ Mission to the Moon เล่มนี้ให้แง่คิดหลายมุมเพื่อเรียนรู้สิ่งใหม่เตรียมรับมือโลกหมุนไวที่ไม่สามารถใช้ "ท่าไม้ตายเก่า" ของเรารับมือกับมันได้อีกต่อไปแล้ว

279 ฿ 249 ฿

HAPPINESS

พักระหว่างทาง คนเข้มแข็งควรหัดอ่อนแอ คนอ่อนแอควรหัดเข้มแข็ง

สำหรับผู้ที่จับจ้องแต่ยอดเขาแห่งความสำเร็จ การหยุดพักแลดูเป็นเรื่องน่ารังเกียจ เพราะทำให้การไปถึงจุดหมายนั้นต้องขยับออกไป แต่เราปฏิเสธไม่ได้ว่าความเหนื่อยล้าเป็นเรื่องปกติของนักเดินทาง ไม่ว่าประสบการณ์มากหรือน้อย นักเดินทางย่อมมีอาการเหนื่อยด้วยกันทั้งสิ้น ปัญหาเกิดขึ้นเมื่อทุกคนมิได้เหนื่อยในจังหวะเดียวกัน ความแข็งแรงของร่างกายและหัวใจที่แตกต่างทำให้บางคนทำระยะทางได้มาก บางคนทำได้น้อย บางคนเหนื่อยง่าย บางคนเหนื่อยยาก นักเดินทางหน้าใหม่ที่ร่างกายสมบูรณ์พร้อม มีความกระหายจุดหมายเป็นที่ตั้งอาจชิงชังเพื่อนร่วมทางที่อ่อนแอ เพราะเอาแต่ขอหยุดพัก การเลือกเพื่อนร่วมทางจึงสำคัญยิ่ง มีอยู่สองสิ่งที่เป็นคุณสมบัติหลักของเพื่อนร่วมทางที่จะเดินทางไกลด้วยกันคือ หนึ่ง, มีศักยภาพใกล้เคียงกัน เพื่อไม่ให้ใครรู้สึกว่าเป็นตุ้มถ่วงของใคร ซึ่งเมื่อเกิดความรู้สึกเช่นนั้นขึ้นแล้วก็รังแต่จะทำให้ไม่สบายใจทั้งสองฝ่าย หากใครสักคนไม่ตรงกับคุณสมบัติข้อแรกที่ว่ามา ควรมองหาคุณสมบัติอีกข้อในตัวเขา นั่นคือ—เรารักเขาแค่ไหน หากคุณกำลังเดินทางอยู่กับคนที่คุณรักและใส่ใจ คุณย่อมพร้อมที่จะหยุดพักเมื่อคนที่คุณรักเอ่ยปากว่าเขาไปต่อไม่ไหว แน่นอน มันอาจทำให้การไปถึงจุดหมายช้าลง แต่การได้นั่งลงและสนทนากันก็นับเป็นห้วงเวลาที่ดีอีกแบบหนึ่ง เมื่อเดินทางกับเพื่อนร่วมทางที่ถูกคอถูกใจ การหยุดพักย่อมมิใช่อะไรที่น่ารังเกียจ เพื่อนร่วมทางที่ดีทำให้การเดินทางทั้งเส้นทางคือความสุข ช่วงยากลำบากก็เป็นโอกาสที่จะได้พิสูจน์น้ำจิตน้ำใจ ช่วงเวลาสบายก็ได้สนทนาฮาเฮ เพื่อนร่วมทางที่ดีทำให้เราแยกไม่ออกระหว่างการเดินไปข้างหน้ากับการพักผ่อนสังสรรค์ การหยุดพักจึงเป็นเรื่องน่ารำคาญสำหรับคนที่ยึดตนเองเป็นศูนย์กลางเท่านั้น การเดินทางทำให้เราเรียนรู้ว่าศักยภาพคนนั้นไม่เท่ากัน มิเพียงไม่เท่า แต่ยังไม่เหมือน เพื่อนบางคนเดินช้าแต่เชี่ยวชาญด้านการทำอาหาร เพื่อนบางคนหยุดพักบ่อยแต่เมื่อถึงเวลาก็ตักข้าวตักปลาให้คนอื่นกิน หากคุณเบื่อหน่ายกับบางมิติของบางคน เพียงอดทนและอยู่ร่วมคุณอาจได้เห็นบางมิติที่น่าชื่นชมของเขา ไม่มีใครถูกใจใครไปทุกด้าน การเดินทางเปิดโอกาสให้เราเห็นด้านดีร้ายในความเป็นมนุษย์ปุถุชน สุดท้ายแล้วทุกคนก็เป็นคนที่ปะปนดีชั่วอยู่ในตัวคนเดียว เดินทางไกลย่อมมีพักเป็นระยะเมื่อเหนื่อยล้า บางครั้งเป็นเรา บางทีเป็นเพื่อน ในแง่นี้การเดินทางไกลได้ฝึกให้เราเรียนรู้สองบทบาท เมื่อเป็นผู้ที่มีกำลังวังชาดี หากมีเพื่อนเหนื่อยล้า สิ่งที่ทำได้คือการยิ้มให้และปลอบใจ บอกกล่าวว่าไม่เป็นไร ยังหยุดได้ เรายังพอมีเวลา...

ไม่มีสัญญาณ ออกห่างจากความสะดวก

ชีวิตเมืองฝึกให้เราเสพติดความสะดวก แต่บ่อยครั้งที่ความสะดวกมิใช่ความสบาย แทนที่ชีวิตจะง่าย เรากลับต้องขวนขวายเพื่อให้ได้มาซึ่งความสะดวกนั้น อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ทำงานราวกับมีชีวิตโดยอัตโนมัติ ตั้งแต่โทรศัพท์มือถือ ไมโครเวฟ เครื่องซักผ้า ไล่เลยไปถึงคอมพิวเตอร์ หากมองอย่างผาดเผิน สิ่งเหล่านี้ดูคล้ายว่าจะทำให้ชีวิตดีขึ้น แต่เมื่อได้หยิบจับใช้สอยก็ปรากฏว่า หลายสิ่งกลับทำให้ชีวิตซับซ้อนยุ่งเหยิง มิต้องนับว่า กว่าจะได้สิ่งอำนวยความสะดวกเหล่านี้มา เราจะต้องเหนื่อยยากเพียงใดเพื่อหาเงินมาซื้อพวกมัน ความสะดวกที่เพิ่มขึ้นโดยเทคโนโลยีบังคับให้เราต้องทำงานทุกที่ไปด้วย หากหลอดไฟทำให้มนุษย์ไม่หยุดทำงานตอนอาทิตย์ตกดิน อินเตอร์เน็ตและโลกออนไลน์ก็คงทำหน้าที่สลายเส้นแบ่งระหว่างชีวิตงานกับการพักผ่อน เราพกงานไปด้วยทุกที่ กล่องไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ก็ติดสอยห้อยตามให้คนอื่นทวงงานได้ตลอด ทุกที่คือที่ทำงาน-ฟังคล้ายจะสะดวก แต่นั่นมิใช่สิ่งที่สบายเลยสักนิด หลายครั้งเราเพิ่มการงานให้ตัวเองโดยไม่จำเป็น การเล่นกลายเป็นภาระ เมื่อการเขียนสเตตัสในเฟซบุ๊ก ลงรูปอาหารทุกจานที่กิน ลงรูปไปเที่ยวทุกครั้งที่เดินทาง แต่งภาพให้สวยงามในอินสตาแกรม แชทกันในหัวข้อที่รอคุยตอนพบปะก็ได้ สิ่งเหล่านี้เริ่มต้นอาจเป็นความสนุกและผ่อนคลาย แต่แล้วมันก็ค่อยๆ กลายเป็นภาระหน้าที่ที่กัดกินเวลาว่างให้หายไปจากชีวิต บางคนเสพติดจนมิเป็นอันทำอะไร ความเข้าใจตนเองมักเกิดขึ้นในห้วงแห่งความเงียบ เสียงอึกทึกของตัวหนังสือและรูปภาพบนหน้าจอย่อมมีผลต่อจิตใจ คล้ายผิวน้ำที่มีคลื่นกระเพื่อมอยู่ตลอดเวลา จนมิอาจสะท้อนความจริงให้เจ้าของหัวใจมองเห็น เราปฏิสัมพันธ์กับโลกมากขึ้น แต่เราปฏิสัมพันธ์กับตนเองน้อยลง ความสะดวกที่เพิ่มขึ้นกลับกัดกร่อนความสบาย อย่างน้อยก็ความสบายใจที่จะได้ใช้เวลาว่างนั่งเฉยๆ โดยไม่ต้องขยับขับเคลื่อนอะไร เพื่อให้ผิวน้ำในหัวใจสงบเรียบ ในห้วงเวลานั้นเองที่เราจะเห็นตัวเองชัดเจนขึ้น แต่มุนษย์สมัยใหม่ทำห้วงเวลาเช่นนี้หล่นหายไปเกือบหมดแล้ว ความสงบกลายเป็นสิ่งน่ารังเกียจ ความเงียบกลายเป็นสิ่งที่ต้องหนีให้ห่าง เราไม่สามารถทนอยู่กับความเงียบนิ่งได้นาน ทุกคนทำราวกับว่า การนิ่งเงียบและการนั่งเฉยๆ เป็นบาปที่มิควรกระทำ ต้องทำลายมันทุกครั้งที่เจอ ในวงสนทนาจึงต้องการบทสนทนาที่เฮฮาครื้นเครงมากกว่าคร่ำเคร่งจริงจัง ทั้งที่การพูดคุยแผ่วเบาอาจทำให้เราค้นพบด้านลึกของกันและกัน...

เนินแรก ความยากคือบททดสอบความเอาจริง

แล้วความเหนื่อยก็ปรากฏตัวขึ้นเป็นครั้งแรก เนินชันแรกตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า แน่นอนว่ามันไม่ใช่เนินสุดท้าย ถึงที่สุดแล้ว เขาสูงใหญ่ก็มิใช่อื่นใดนอกจากการประกอบกันขึ้นของเนินชันครั้งแล้วครั้งเล่า คงไม่ยาก หากต้องฝ่าฟันเนินชันเพียงครั้งเดียว แต่เมื่อมองไปข้างหน้าแล้วพบว่ายังมีเนินชันขวางกั้นอีกนับไม่ถ้วน นั่นย่อมมิใช่สิ่งที่ผู้รักสบายพิสมัย จะว่าไป ผู้รักสบายมิควรคิดที่จะไต่ขึ้นภูผา หากคิดว่าความท้าทายเป็นส่วนเกินของชีวิต รักหัวใจที่เต้นช้ามากกว่าถี่รัว เห็นคุณค่าของผิวผุดผ่องบริสุทธิ์มากกว่าริ้วรอยแห่งประสบการณ์ บ้านอาจเป็นสถานที่ที่เหมาะกับเขา ผู้ที่เลือกแล้วว่าจะขึ้นสู่ยอดเขาย่อมเตรียมตัวเตรียมใจพร้อมผจญภัยกับความลำบาก ชีวิตยากๆ อาจเป็นสิ่งที่เขาถวิลหา แต่ประสบการณ์ก็มักสอนบทเรียนแห่งความจริงเสมอว่า ความยากลำบากนั้นสนุกเฉพาะตอน จินตนาการถึง เมื่อได้เจอเข้าจริงกลับยิ้มไม่ออก นักเดินทางผู้อยากพิชิตภูผาล้วนตื่นเต้นกับความเหนื่อยล้าที่ได้ยินมาจากผู้ผ่านทางมาก่อน แต่นั่นเป็นคนละเรื่องกันกับเมื่อเขาต้องมาเผชิญหน้าท้าแรงโน้มถ่วงด้วยตนเอง การขึ้นสู่ที่สูงเป็นพฤติกรรมฝืนธรรมชาติ ตรงกันข้ามกับการลงสู่ที่ต่ำ ที่ไม่จำเป็นต้องทำอะไรก็สามารถถูกฉุดลงไปโดยอัตโนมัติ กระนั้นก็เป็นพฤติกรรมหนึ่งที่มนุษย์เลือกกระทำเพื่อยืนยันกับตัวเองว่ายังมีลมหายใจ คล้ายกับปลาเป็นที่ต้องว่ายทวนน้ำ บางครั้ง การมีชีวิตอยู่คือการยืนยันว่าฉันพร้อมเผชิญความลำบาก มิเช่นนั้นเราคงเลือกทางที่ง่ายกว่าคือหยุดลมหายใจด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง แล้วความจริงก็ขับไล่จินตนาการในหัวออกไปจนหมด เสียงหัวเราะเหือดหาย รอยยิ้มค่อยๆ หุบลงทีละรอย ความเงียบทำให้ได้ยินเสียงหอบถี่กระชั้น นักเดินทางมองตากันอย่างเข้าใจ นี่คือเนินเขาแรกที่รอต้อนรับผู้ที่อยากพิชิตความสำเร็จ ทุกคนต้องข้ามผ่านก่อนจะถึงด่านที่ยากกว่านี้ ความยากคือบททดสอบความเอาจริงเสมอ หนทางที่ราบเรียบมิอาจบอกได้ว่าคนคนนั้นจริงจังกับจุดหมายมากน้อยเพียงใด ความง่ายไม่เคยพิสูจน์คน เนินชันครั้งแรกคือบททดสอบว่า นักเดินทางผู้นั้นเอาแต่ฝัน เอาแต่พูด หรือพร้อมแล้วที่จะหยุดพูดถึงความฝัน แล้วก้าวเท้าไปข้างหน้าอย่างเงียบเชียบ เมื่อนักเดินทางก้าวเท้าขึ้นสู่ทางชัน เขาย่อมพูดน้อยลง ลำพังเพียงรวบรวมพลังเพื่อก้าวเดินทีละก้าวก็ต้องอาศัยเรี่ยวแรงมิใช่น้อย เมื่อนั้นเขาย่อมรับรู้รสชาติของการเป็นผู้เดินเข้าหาความฝัน ว่ามันช่างแตกต่างจากการพร่ำพูดอยู่ที่พื้นดินเบื้องล่างจนน้ำลายแตกฟองมากเพียงไหน เนินชันอาจทำให้เขาอยากย้อนกลับไปบอกตัวเองในอดีตให้รีบออกเดินทางขณะยังมีเรี่ยวแรงและเวลา การพูดถึงความฝันโดยไม่ขยับเท้านับเป็นการใช้เวลาอย่างไม่คุ้มค่ายิ่ง...

ออกเดินทาง จงทำระยะขณะยังสดใหม่

ก้าวแรกๆ ของการเดินทางย่อมมิใช่ก้าวแห่งความเหนื่อยล้า ทว่า เป็นก้าวย่างแห่งความตื่นเต้น ดวงตามองเห็นสิ่งใหม่สารพัน ความรู้สึกยังละเอียดอ่อน สองหูได้ยินเสียงนกและใบไม้ลู่ลม จมูกชื่นชมกลิ่นชื่นใจจากสภาพแวดล้อมสีเขียว ผิวหนังยังเรียบเนียนไร้ร่องรอยมดแมลงดุร้ายแม้เพียงริ้วรอย ดอกไม้เล็กๆ สองข้างทางกลายเป็นความรื่นรมย์ที่น่าสนใจ ผีเสื้อบินผ่านยังนึกในใจว่า มันบินมาทักทาย เริ่มเดินทางเป็นห้วงเวลาแห่งความหวัง ความหวังเกิดขึ้นเสมอในจุดเริ่มต้น และมันย่อมสดใสที่สุดในจุดนั้น ก่อนที่จะหม่นหมองลงตามเรี่ยวแรงที่ถดถอยและอุปสรรคที่เพิ่มพูน ความหวังมักมาพร้อมพลังเสมอ จึงควรใช้ความหวังและพลังขณะที่มีให้ดีที่สุด มิควรเตลิดหลงไปกับความสดใสและสดใหม่จนลืมทำระยะ ในขณะที่ร่างกายและหัวใจยังไม่มีความเหนื่อยล้าและรอยแผล นักเดินทางควรก้าวย่างอย่างเต็มที่ เพื่อมุ่งหน้าสู่จุดหมายที่ปักธงไว้ในวันแรก นักเดินทางจำนวนมากใช้เวลาในช่วงแรกไปกับการกินลมชมวิว เดินเรื่อยเปื่อย หรือกระทั่งเดินออกนอกเส้นทาง เพราะคิดว่าพละกำลังที่มีอยู่จะเต็มเปี่ยมเช่นนี้ตลอดไป การคิดเช่นนี้นับว่าประมาทถึงสองต่อ ประมาทต่อพละกำลังของตนเอง และประมาทต่อระยะทางที่ยาวไกล เพราะทั้งสองสิ่งนั้นแปรผกผันกันเสมอ ยิ่งเดินพละกำลังยิ่งลดลง และยิ่งพละกำลังลดลงหนทางก็ยิ่งทอดยาวออกไป อย่าได้ชะล่าใจในช่วงเวลาที่ยังมีพละกำลัง นักเดินทางควรใช้ความสดใสและสดใหม่ให้เต็มที่ ขยับเข้าหาจุดหมายปลายทางให้ได้มากที่สุด นี่คือช่วงเวลาแห่งการทำระยะ เป็นช่วงเวลาที่ยังไม่ต้องต่อสู้กับความเหนื่อยล้าซึ่งจะปรากฏตัวออกมาเมื่อผ่านครึ่งทางไปแล้ว หัวใจยังเต้นในจังหวะปกติ กล้ามเนื้อทุกส่วนยังไม่แข็งตึง คอยังไม่แห้ง แรงยังไม่ตก ในหัวยังไม่มีคำถามบั่นทอนกำลังว่า เมื่อไหร่จะถึงจุดหมาย หากผ่านห้วงเวลานี้ไป ครั้นตั้งใจจะเร่งฝีเท้าก็ใช่ว่าจะทำได้อย่างใจนึก หลายครั้ง การไปถึงหรือไม่ถึงจุดหมายตัดสินกันได้ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้น หากใครใช้เวลาและเรี่ยวแรงกับสองข้างทางมากเกินไปอาจทำให้ไม่เหลือเวลาและเรี่ยวแรงเพียงพอให้ไปถึง บ้างอ้างว่าตัวเองเป็นม้าตีนปลาย แต่เมื่อผ่านครึ่งทางไปจึงเข้าใจว่า กำลังที่แบ่งไว้สำหรับตีนปลายนั้นไม่พอ ความท้อมิได้เกิดขึ้นจากความเหนื่อยส่วนตัวเท่านั้น แต่ยังเกิดขึ้นเสมอเมื่อมองเห็นแผ่นหลังของคนที่นำหน้าเราอยู่ไกลลิบ ยิ่งตัวเขาหดเล็กลงเท่าไหร่...

กระเป๋าและข้าวของ ละวางสิ่งไร้ประโยชน์

เราไม่สามารถนำบ้านไปด้วยได้ทุกที่ เมื่อต้องการไปถึงจุดหมาย เราจำเป็นต้องสละบ้านที่คุ้นเคย มิเพียงสถาปัตยกรรม แต่ยังหมายถึงสมบัติพัสถาน ข้าวของเครื่องใช้ สิ่งอำนวยความสะดวกนานาประการ สรรพสิ่งที่เคยคิดว่าจำเป็นกลับกลายเป็นส่วนเกินเมื่อเผชิญกับเส้นทางยาวไกล มีเพียงบางสิ่งเท่านั้นที่คู่ควรแก่การพกพา มิได้วัดกันที่ราคาหรือความงาม แต่วัดกันที่ความจำเป็น กระทั่งความงามยังกลายเป็นส่วนเกิน เพราะการเดินทางที่แท้จริงมิได้ต้องการสรรพสิ่งไว้อวดใคร นักเดินทางในป่าล้วนจับจ้องไปที่จุดหมายปลายทาง ละวางมายาที่เคลือบแฝงมากับการประดับประดาทั้งหลาย สุดท้ายแล้วชีวิตจึงต้องการน้อยกว่าที่เคยคิดเอาไว้มากมายนัก การเดินทางมิใช่การเดินแบบ นักเดินทางมิใช่มนุษย์ประเภทที่ต้องการให้โลกมองเรา เราต่างหากที่ต้องการมองโลก มอง-เพื่อเรียนรู้และอยู่ด้วย เกณฑ์ตัดสินใจว่าสิ่งใดควรนำไปมีอยู่เพียงง่ายๆ คือ สิ่งนั้นเป็นประโยชน์หรือไม่ หากไม่มีประโยชน์อันใดก็ควรวางไว้ที่บ้าน ในการเดินทางไกลสิ่งรุงรังล้วนเพิ่มภาระให้กับนักเดินทาง และเพิ่มน้ำหนักให้บ่าซ้ายขวาโดยไม่จำเป็น เมื่อลองแยกสิ่งที่เป็นประโยชน์กับไร้ประโยชน์ออกจากกัน เราพลันพบว่าชีวิตล้วนแวดล้อมไปด้วยสิ่งไร้ประโยชน์ที่เราอยากมี ซึ่งบางทีเราอยากมีเพียงเพราะเห็นว่าคนอื่นเขามีกัน ธรรมชาติของการเดินทางคือการละทิ้งและตัดทอน ข้าวของย่อมลดลงเรื่อยๆ ขณะที่เท้าก้าวไกลออกไปจากจุดเริ่มต้น เสบียงกรังทั้งหลายที่เตรียมมาย่อมถูกใช้สอยให้ร่อยหรอลง การเดินทางจึงตรงข้ามกับการสะสม แต่ใกล้เคียงกับการละ ทิ้ง และปล่อยวาง ในแง่หนึ่ง การเดินทางคือการฝึกวิชาตัวเบา เมื่อพรุ่งนี้ไม่มีบ้านให้กลับ และยังต้องเดินหน้าต่อไป เราไม่สามารถขนข้าวของที่ชอบใจกลับไปไว้ที่บ้าน ทำได้เพียงชื่นชมกับสิ่งนั้นในห้วงเวลานั้น เก็บได้เพียงความทรงจำใส่สมอง ไม่ว่าดอกไม้ ก้อนหิน ก้อนเมฆ ภูผา จันทรา และอาทิตย์ เราได้แต่ปล่อยไว้ตรงนั้น พร้อมๆ กับปล่อยความอยากเก็บมันกลับไปไว้ ณ จุดเดียวกันด้วย...

ผู้นำทาง จงมองหาผู้นำทางที่ทำให้คุณรักการเดินทาง

บางครั้ง ความห้าวหาญก็มิใช่สิ่งที่น่าชื่นชม หากเป็นความห้าวหาญในนิยามของการอวดศักดาและเพิ่มอัตตาให้ตนเอง นักเดินทางวัยห้าวอาจต้องการบุกป่าฝ่าดงขึ้นสู่ยอดเขาเพียงลำพัง ด้วยคิดหวังว่านั่นคือสิ่งที่สามารถนำมาป่าวประกาศกับโลกได้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว การขึ้นสู่ยอดเขาเพียงลำพังสำหรับคนที่ยังไม่เคยเดินเขามาก่อนนั้นเป็นสิ่งที่แทบเป็นไปไม่ได้ คนคนนั้นต้องการผู้คนเคียงข้างอีกมากมายเพื่อขึ้นไปยืนบนจุดหมายแห่งความสำเร็จ ยังไม่ต้องนับว่า การขึ้นไปสู่ยอดภูผาอย่างเดียวดายนั้นไร้ความหมายเพียงใด เมื่อเลือกจุดหมายแล้ว สิ่งที่จำเป็นต้องทำอันดับต่อไปคือ หาผู้นำทาง ผู้นำทางคือผู้รู้ทางเพราะเคยผ่านมาก่อน เคยพลาดในจุดอันตราย เคยประทับใจจุดที่สวยงาม เคยตากแดดตากฝน เคยสะดุดล้ม เคยเป็นแผล เคยเสี่ยงภัยมาในเส้นทางที่เรากำลังจะก้าวไป เขาเองเคยเป็นคนหน้าใหม่ของเส้นทางนี้ แต่เมื่อเวลาผ่านก็ได้กลายมาเป็นผู้ชำนาญทางคนหนึ่ง คุณสมบัติของผู้นำทางที่ดี ย่อมเป็นผู้ชี้ทาง ให้คำแนะนำ แต่ไม่บังคับ มอบอิสระในการตัดสินใจให้กับนักเดินทางหน้าใหม่ในจังหวะที่ไม่อันตราย ผู้นำทางที่ดีย่อมไม่ชี้ให้เห็นความโหดร้ายของเส้นทางจนเกินจริง ไม่ขู่นักเดินทางจนขาสั่น ขณะเดียวกันก็ไม่ควรให้กำลังใจจนเกินงาม ไม่ใช่ว่า ยากก็บอกว่าง่าย โหดร้ายก็บอกว่าสนุก สรุปคือต้องตักเตือนในจุดที่ต้องตระเตรียม และให้กำลังใจในยามคับขัน ที่สำคัญคือทำให้เห็นว่า ความเหนื่อยยากเป็นเรื่องธรรมดาของการเดินขึ้นภูเขา ความแข็งแกร่งของผู้นำทางสามารถช่วยเหลือนักเดินทางหน้าใหม่ที่ใจและกายยังไม่แกร่ง ในจังหวะที่ต้องการแรงผลักสนับสนุนบนเส้นทางลาดชัน ในจังหวะที่ต้องการการประคับประคองบนเส้นทางลื่นไถล ผู้นำทางยังบอกเล่าทางลัด เทคนิควิธีในการเดินให้ไม่เหนื่อย ไม่ล้ม ไม่เจ็บ นอกจากนั้นยังชี้ชวนให้ดูดอกไม้ใบหญ้านานาพรรณ บางครั้งก็เด็ดมาใส่มือ พร้อมทั้งบอกสรรพคุณและอิทธิฤทธิ์ แยกแยะพืชพิษออกจากพืชกินได้ ที่สำคัญ ผู้นำทางย่อมสามารถให้คำปรึกษาว่าควรแบ่งการเดินทางออกเป็นลำดับขั้นตอนอย่างไร ผู้นำทางย่อมประเมินพละกำลังของนักเดินทางตามจริง แบ่งเส้นทางขนาดยาวให้กลายเป็นเส้นทางขนาดสั้นหลายวันต่อกัน วางแผนพักค้างอ้างแรม แบ่งแรงเอาไว้ขึ้นสู่จุดสูงสุด รวมทั้งกำหนดการหยุดในจุดที่เหมาะควร...

ระดับพื้นดิน อย่าคาดหวังว่าจะถึงจุดหมายในวันเดียว

แม้รู้ว่าจุดหมายของเราคือที่ไหน แต่กระนั้นก็ยังคงมองไม่เห็น แม้สามารถจินตนาการผ่านการบอกเล่า แต่นั่นก็เป็นเพียงยอดเขาผ่านปากคนอื่น นักเดินทางล้วนต้องการเดินขึ้นไปเห็นยอดเขาที่ว่าด้วยตาตนเองสักครั้ง อยากรู้ว่าหน้าตาของยอดเขาแห่งความสำเร็จเป็นเช่นไร รสชาติของเส้นทางจะหวานหรือขม-หรือผสมกัน นับเป็นเรื่องโชคดีของนักเดินทางที่ยังไม่สามารถมองเห็นจุดหมายหรือยอดภูผาจากจุดตั้งต้น เพราะหากเป็นเช่นนั้น นักเดินทางจำนวนมากคงถอดใจ ปลดเป้ลงจากไหล่ แล้วหันหลังกลับบ้าน ยอดเขาทุกลูกอยู่ไกลสุดลูกหูลูกตาเสมอเมื่อมองจากจุดเริ่ม การเดินขึ้นเขาย่อมต้องผ่านเนินดอยน้อยใหญ่ลูกแล้วลูกเล่าก่อนจะเข้าสู่ภูเขาที่เป็นเป้าหมาย การมองไม่เห็นว่าจุดหมายอยู่ไกลเพียงใดทำให้เรามีกำลังใจในการก้าวเดิน บางคนอาจรู้สึกว่า การมองไม่เห็นจุดหมายทำให้ไม่อยากก้าวเท้า เพราะไม่มีอะไรยืนยันว่าเราสามารถไปถึงได้ แต่อย่าลืมว่า ความไกลในจินตนาการมักไกลเกินความเป็นจริง เพราะมันมีส่วนผสมของความกังวลและความกลัวอยู่ในนั้นด้วย ความกลัวความไกลชนิดนี้นี่เองที่หยุดก้าวแรกของนักเดินทางมาคนแล้วคนเล่า จากระดับพื้นดิน เมื่อมองไม่เห็นจุดหมาย สิ่งที่พอทำได้คือศึกษาเส้นทาง ซึ่งนอกจากจะต้องรู้ระยะห่างระหว่างจุดเริ่มต้นกับจุดหมายปลายทางแล้ว ยังควรต้องรู้ว่าระหว่างทางที่จะเดินไปนั้นจะต้องพบเจอสิ่งใดบ้าง ทั้งดีและร้าย มีสัตว์หรือแมลงชนิดใดที่ต้องระวังไม่ให้ถูกมันโจมตี มีค่ายพักแรมและแหล่งน้ำอยู่กี่จุด จะหยุดพักได้กี่ครั้ง การศึกษาเส้นทางอย่างดีจะช่วยทำให้จุดหมายที่ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้นั้นเป็นไปได้ รายละเอียดของเส้นทางจะบอกกับเราว่าควรเดินวันละกี่กิโลเมตร ควรจะพักแรมกี่คืน ควรจะตื่นกี่โมง และควรจะเตรียมเสบียงไปมากน้อยเพียงใด การศึกษาเส้นทางทำให้เราเห็นกระบวนการ มิใช่เห็นเพียงจุดหมายที่อยากไปให้ถึง บางที สิ่งที่เป็นอุปสรรคที่สุดของการพิชิตภูผาก็คือความใจร้อนของผู้เดินทางนั่นเอง ทางไกลย่อมแลดูไกลโพ้นยิ่งขึ้นไปอีก หากเราคาดหวังที่จะพิชิตมันในวันเดียว ในทางตรงกันข้าม ต่อให้จุดหมายอยู่ไกลเพียงใดย่อมแลดูไม่ไกลจนเป็นไปไม่ได้ หากเรายอมรับว่าทุกภูผานั้นย่อมใช้เวลาในการพิชิต แล้วเคลื่อนตัวเข้าใกล้ทีละนิดทุกวัน สิ่งสำคัญในการเดินขึ้นสู่ยอดภูผาจึงมิได้อยู่ที่ระหว่างการเดินทางเท่านั้น แต่ยังอยู่ที่การเตรียมตัวตั้งแต่ก่อนออกเดิน การวางแผนการเดินทาง ซึ่งต้องเตรียมการให้ดี แน่นอนว่า เราย่อมไม่รู้จักเส้นทางที่เรายังไม่เคยผ่าน จึงจำเป็นต้องถามจากผู้ผ่านทางมาก่อน เมื่อเจอคนคนนั้น ยอดเขาที่อยู่ไกลก็ดูเหมือนใกล้เข้ามา

จากบ้าน จงออกไปหาคำตอบของตัวเอง

จะมีคนทำให้เราผิดหวัง จะมีเหตุการณ์ทำให้เราเจ็บปวด จะมีบางสิ่งที่ทำให้เราร้องไห้ แต่ในโลกใบเดียวกันนั้น ยังมีคนที่มอบความรักแท้จริงให้เรา ยังมีเหตุการณ์ที่เราสามารถยิ้มได้ ยังมีดอกไม้ก้อนเมฆ และแมวให้เรารู้สึกว่าโลกนี้ยังน่ารัก ยังมีไอศกรีมอร่อยๆ มีคุกกี้อุ่นๆ รอเราอยู่ที่ไหนสักแห่งยังมีพ่อแม่ เพื่อน คนรัก ที่พร้อมเคียงข้าง อย่าลืมมองเห็นและโอบรับพลังจากสิ่งดีงามเหล่านี้เข้าไปอยู่ในหัวใจ

KOOB

แสง

“ยังมีคนที่มอบความรักแท้จริงให้เรา”

ความรัก

หนังสือ