เนินแรก
ความยากคือบททดสอบ
ความเอาจริง

แล้วความเหนื่อยก็ปรากฏตัวขึ้นเป็นครั้งแรก เนินชันแรกตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า แน่นอนว่ามันไม่ใช่เนินสุดท้าย ถึงที่สุดแล้ว เขาสูงใหญ่ก็มิใช่อื่นใดนอกจากการประกอบกันขึ้นของเนินชันครั้งแล้วครั้งเล่า คงไม่ยาก หากต้องฝ่าฟันเนินชันเพียงครั้งเดียว แต่เมื่อมองไปข้างหน้าแล้วพบว่ายังมีเนินชันขวางกั้นอีกนับไม่ถ้วน นั่นย่อมมิใช่สิ่งที่ผู้รักสบายพิสมัย

จะว่าไป ผู้รักสบายมิควรคิดที่จะไต่ขึ้นภูผา หากคิดว่าความท้าทายเป็นส่วนเกินของชีวิต รักหัวใจที่เต้นช้ามากกว่าถี่รัว เห็นคุณค่าของผิวผุดผ่องบริสุทธิ์มากกว่าริ้วรอยแห่งประสบการณ์ บ้านอาจเป็นสถานที่ที่เหมาะกับเขา
ผู้ที่เลือกแล้วว่าจะขึ้นสู่ยอดเขาย่อมเตรียมตัวเตรียมใจพร้อมผจญภัยกับความลำบาก ชีวิตยากๆ อาจเป็นสิ่งที่เขาถวิลหา แต่ประสบการณ์ก็มักสอนบทเรียนแห่งความจริงเสมอว่า ความยากลำบากนั้นสนุกเฉพาะตอน

จินตนาการถึง เมื่อได้เจอเข้าจริงกลับยิ้มไม่ออก นักเดินทางผู้อยากพิชิตภูผาล้วนตื่นเต้นกับความเหนื่อยล้าที่ได้ยินมาจากผู้ผ่านทางมาก่อน แต่นั่นเป็นคนละเรื่องกันกับเมื่อเขาต้องมาเผชิญหน้าท้าแรงโน้มถ่วงด้วยตนเอง
การขึ้นสู่ที่สูงเป็นพฤติกรรมฝืนธรรมชาติ ตรงกันข้ามกับการลงสู่ที่ต่ำ ที่ไม่จำเป็นต้องทำอะไรก็สามารถถูกฉุดลงไปโดยอัตโนมัติ กระนั้นก็เป็นพฤติกรรมหนึ่งที่มนุษย์เลือกกระทำเพื่อยืนยันกับตัวเองว่ายังมีลมหายใจ คล้ายกับปลาเป็นที่ต้องว่ายทวนน้ำ
บางครั้ง การมีชีวิตอยู่คือการยืนยันว่าฉันพร้อมเผชิญความลำบาก มิเช่นนั้นเราคงเลือกทางที่ง่ายกว่าคือหยุดลมหายใจด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง

แล้วความจริงก็ขับไล่จินตนาการในหัวออกไปจนหมด เสียงหัวเราะเหือดหาย รอยยิ้มค่อยๆ หุบลงทีละรอย ความเงียบทำให้ได้ยินเสียงหอบถี่กระชั้น นักเดินทางมองตากันอย่างเข้าใจ นี่คือเนินเขาแรกที่รอต้อนรับผู้ที่อยากพิชิตความสำเร็จ ทุกคนต้องข้ามผ่านก่อนจะถึงด่านที่ยากกว่านี้

ความยากคือบททดสอบความเอาจริงเสมอ หนทางที่ราบเรียบมิอาจบอกได้ว่าคนคนนั้นจริงจังกับจุดหมายมากน้อยเพียงใด ความง่ายไม่เคยพิสูจน์คน
เนินชันครั้งแรกคือบททดสอบว่า นักเดินทางผู้นั้นเอาแต่ฝัน เอาแต่พูด หรือพร้อมแล้วที่จะหยุดพูดถึงความฝัน แล้วก้าวเท้าไปข้างหน้าอย่างเงียบเชียบ
เมื่อนักเดินทางก้าวเท้าขึ้นสู่ทางชัน เขาย่อมพูดน้อยลง ลำพังเพียงรวบรวมพลังเพื่อก้าวเดินทีละก้าวก็ต้องอาศัยเรี่ยวแรงมิใช่น้อย เมื่อนั้นเขาย่อมรับรู้รสชาติของการเป็นผู้เดินเข้าหาความฝัน ว่ามันช่างแตกต่างจากการพร่ำพูดอยู่ที่พื้นดินเบื้องล่างจนน้ำลายแตกฟองมากเพียงไหน

เนินชันอาจทำให้เขาอยากย้อนกลับไปบอกตัวเองในอดีตให้รีบออกเดินทางขณะยังมีเรี่ยวแรงและเวลา การพูดถึงความฝันโดยไม่ขยับเท้านับเป็นการใช้เวลาอย่างไม่คุ้มค่ายิ่ง เมื่อออกเดิน นักเดินทางทุกคนรู้ดีว่ายังต้องใช้เรี่ยวแรงและเวลาอีกมากนักกว่าจะไปถึงจุดหมายที่ฝันไว้ หยดน้ำลายไม่เคยพาใครขึ้นสู่ยอดเขาได้สำเร็จ

เมื่อเผชิญกับอุปสรรคหนักหนาครั้งแรก ใจที่เคยสดใสก็หวั่นไหวขึ้นมา ห้วงเวลานั้นเองเป็นช่วงสับสนระหว่างการเดินต่อกับการหันหลังกลับ ไหว-ไม่ไหว สู้ต่อกับยอมแพ้ เมื่อเผชิญอุปสรรคครั้งแรกจงจินตนาการถึงอุปสรรคต่อไปที่จะสูงใหญ่และชันกว่านี้เสมอ เป็นสิ่งที่ต้องเจอหากยังมุ่งหน้าสู่ยอดเขา
ไม่มีหนทางขึ้นภูผาสูงแห่งใดที่จะมีอุปสรรคเพียงแค่ครั้งเดียว
สู้หรือไม่
ไหว-ไม่ไหว
กลางเนินชัน เกิดคำถามในความเงียบ

ท่ามเสียงหอบถี่กระชั้น หากใจบอกว่ายังไหว เราจะผ่านอุปสรรคนั้นไปได้ อาจจะช้า อาจจะเร็ว แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น แล้วเราจะมองเห็นหนทางชัดกว่าที่เคย เมื่อมองด้วยสายตาที่เป็นจริงว่าเส้นทางสู่ยอดเขามิได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ความยากเป็นเรื่องปกติ
ทว่าสิ่งที่สำคัญกว่านั้นก็คือ เราจะได้ลิ้มรสการก้าวผ่านอุปสรรคใหญ่ซึ่งจะมอบพลังและกำลังใจให้กับเรามหาศาล เราจะกลายเป็นผู้ชนะในสงครามเล็กๆ ซึ่งต่างจากผู้ที่ไม่เคยผ่านสงครามอย่างลิบลับ
สงคราม-ไม่ว่าครั้งเล็กหรือใหญ่ หากผ่านมาได้ ประสบการณ์ย่อมเปลี่ยนเราให้กลายเป็นอีกคนหนึ่ง
สงครามที่ว่านี้มิใช่การออกรบกับใคร มิใช่การออกรบกับเนินเขา หากเป็นสงครามที่ตัวเรารบกับตัวเรา และเราจะได้เดินต่อไป…
หากตัวเราที่เข้มแข็งรบชนะตัวเราที่อ่อนแอ